"Digital Footprint" รู้จักและเข้าใจรอยเท้าดิจิทัลในโลกออนไลน์

Digital Footprint รู้จักและเข้าใจรอยเท้าดิจิทัลในโลกออนไลน์

(ภาพ Digital Footprint สืบค้นจาก https://encrypted-tbn0.gstatic.com)

      ความลับไม่มีในโลก โดยเฉพาะข้อมูลต่างๆที่เราเข้าใช้งานหรือทำกิจกรรมต่างๆในโลกออนไลน์ ทั้งการโพสต์ การแชร์ และประวัติการค้นหาจากการเข้าใช้งานเว็บไซต์ เป็นต้น โดยผ่านสื่อสังคมออนไลน์ทั้งหลาย เช่น เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ทวิตเตอร์ ยูทูป และอื่นๆ ซึ่งข้อมูลการเข้าใช้งานเหล่านี้ล้วนแล้วจะยังคงอยู่ต่อไป ไม่ได้หายไปไหน
     สฤณี อาชวานันทกุล(2562) กล่าวว่า
     "อินเทอร์เน็ตมี 3 ยุค หนึ่งยุคยูโทเปีย มีการมองในแง่ดีว่าอินเทอร์เน็ตไม่สามารถครอบงำเราได้ คือช่วง 20 กว่าปีที่แล้ว ต่อมาคือยุคดิสโทเปีย มีข่าวปลอม ข้อมูลลับ ลวง และรัฐบาลเซ็นเซอร์ได้ง่ายเพราะผู้ใช้งานทิ้ง digital footprint ไว้ ปัจจุบันคือยุคที่คนเห็นทั้งแง่ดีและแง่ร้ายของอินเทอร์เน็ตมาแล้ว" (สืบค้นจาก : https://prachatai.com/journal/2019/05/82684 )
     "Digital Footprint" หรือรอยเท้าดิจิทัล เป็นพฤติกรรมการเข้าใช้งานในโลกออนไลน์ของเรา ซึ่งรอยเท้าดิจิทัลนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสียอยู่ในตัวเอง แน่นอนว่าข้อดี คือเราสามารถใช้เป็นพื้นที่ให้คนในสังคมเห็นว่าเราคือใคร มีมุมมองความคิดแบบไหน ชอบอะไรหรือไม่ชอบอะไร ทำให้ผู้อื่นรู้จักเราได้มากขึ้น แต่ข้อเสียคือยิ่งเราแสดงความเป็นตัวตนมากจนเกินไปหรือแสดงพฤติกรรมที่อาจจะไม่เหมาะสม ทำให้ความเป็นส่วนตัวลดน้อยลงไป เพราะ Digital Footprint เป็นสิ่งถาวร การขาดความยับยั้งชั่งใจโดยโพสต์ข้อความและมาลบในภายหลังก็ไม่มีประโยชน์ใดๆ แม้ว่าเราจะลบข้อมูลนั้นทิ้งแล้ว แต่ก็มีโอกาสที่ผู้อื่นจะเก็บข้อมูลนั้นไว้ และที่สำคัญข้อมูลที่ลบไปก็ยังคงอยู่ในบิ๊กดาต้า (Big Data) ซึ่งเป็นโอกาสให้ผู้ที่ไม่หวังดีสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในทางที่ไม่ดีได้ (สรุปจาก : https://workpointnews.com/2019/06/24/on-digital-footprint/)
     การใช้สื่อสังคมออนไลน์อย่างปลอดภัยและรู้เท่าทัน ปฏิบัติดังนี้
     1. ตั้งรหัสผ่านที่ยากและซับซ้อน ไม่บอกรหัสผ่านกับผู้อื่นและไม่ควรบันทึกรหัสผ่านไว้ในอุปกรณ์ดิจิทัลต่างๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อื่นเข้าถึงข้อมูลได้
     2. ระมัดระวังในการเข้าใช้ WIFI
อุปกรณ์ที่ใช้ควรมีความปลอดภัยและตั้งรหัสผ่านไว้ตลอดเวลาและไม่ใช้ WIFI สาธารณะในกรณีที่ต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว 
     3. ระมัดระวัง Digital Footprint หรือรอยเท้าดิจิทัล เพราะสิ่งที่โพสต์ในโลกออนไลน์จะคงอยู่ตลอดไป แม้ว่าจะลบไปแล้ว แต่ผู้อื่นสามารถติดตามร่องรอยได้ และไม่ควรเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวสู่สาธารณะ
     4. ควรใช้สื่อสังคมออนไลน์อย่างรู้เท่าทัน ไม่ควรกดรับคนที่ไม่รู้จักเป็นเพื่อน หลีกเลี่ยงการสนทนากับคนแปลกหน้า และรู้จักยับยั้งชั่งใจ คิดทบทวนให้ดีก่อนจะโพสหรือแชร์ข้อมูลข่าวสารต่างๆและระมัดระวังในการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว
     5. ระมัดระวังการกรอกข้อมูลในเว็บไซต์ ควรตรวจสอบความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ให้มั่นใจและไม่ควรกดลิงก์หรือเปิดไฟล์แนบจากผู้ใช้งานที่ไม่รู้จัก
     6. ปิดบัญชีออนไลน์ต่าง ๆและบัญชีอีเมลเก่าที่ไม่ได้ใช้แล้ว เพราะการปล่อยเอาไว้อาจทิ้งร่องรอยของรายละเอียดบัญชีได้
     7. ใช้เบราว์เซอร์ที่สามารถใช้งานโหมดไม่ระบุตัวตนในการเข้าเว็บไซต์
     8. ใช้สิทธิที่จะถูกลืม เพื่อลบตัวเองออกจากการค้นหา เนื่องจากเป็นสิทธิทางกฎหมายด้านการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล หรือข้อมูลต่าง ๆเกี่ยวกับบุคคลที่โพสต์ในโลกออนไลน์์
(สรุปจาก : https://www.catcyfence.com/it-security/article/10-way-to-reduce-your-digital-footprint/ )
     ถ้าเปรียบดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ โลกออนไลน์ก็คือประตูที่นำไปสู่ตัวตนของเรา เพราะข้อมูลที่เราเผยแพร่สู่สาธารณะผ่านสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆนั้น ทั้งข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับตัวเราที่โพสต์ในโลกออนไลน์ เช่น ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตประจำวัน และทัศนคติ มุมมอง ความคิดที่แสดงออกมา ทำให้ผู้อื่นทั้งที่รู้จักเราและไม่รู้จักเราสามารถเข้ามาเห็นและรู้จักตัวตนของเราได้อย่างง่ายดาย เพราะรอยเท้าดิจิทัลเหล่านั้นเป็นตัวสะท้อนถึงอุปนิสัยหรือตัวตนที่แท้จริงของตัวเราได้ เรียกได้ว่าเป็นเสมือนร่องรอยของผู้ใช้งานที่นักสืบสามารถใช้เป็นเบาะแสในการแกะรอยตามตัวจนเจอเลยก็ว่าได้



นางสาวกูอารียา หลงกูนัน รหัสนิสิต 611031263
คณะศึกษาศาสตร์ สาขาวิชาภาษาไทย

ความคิดเห็น